ปลัด มท. สั่งการทุกจังหวัด ดึงพลังการมีส่วนร่วม "อาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก" 7.3 ล้านคนทั่วประเทศ ดำเนินทุกมาตรการแก้ปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง

ปลัด มท. สั่งการทุกจังหวัด ดึงพลังการมีส่วนร่วม "อาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก" 7.3 ล้านคนทั่วประเทศ ดำเนินทุกมาตรการแก้ปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง
​นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงการแก้ไขปัญหาเพื่อบรรเทาสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 โดยเฉพาะพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่จะมีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงต้นปีและช่วงปลายปีของทุก ๆ ปี ซึ่งปัญหาดังกล่าวมีแหล่งกำเนิดจากกิจกรรมในพื้นที่ ได้แก่ ไฟป่า การเผาในพื้นที่เกษตร หมอกควันข้ามแดน การจราจรและขนส่ง โรงงานอุตสาหกรรม ประกอบกับสภาพอากาศในช่วงต้นปีที่ความกดอากาศสูงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย ทำให้อากาศปิด ลมสงบ ฝุ่นละอองไม่ฟุ้งกระจาย ทำให้มีปริมาณฝุ่นละอองในอากาศสะสมในพื้นที่เป็นจำนวนมากจนเกินมาตรฐาน
​มหาดไทยคาดสถานการณ์ฝุ่นปี 67 รุนแรงขึ้น
ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์เอลนีโญจะมีกำลังแรงขึ้นในช่วงฤดูร้อน  ปี 2567 โดยอุณหภูมิเฉลี่ยมีแนวโน้มจะสูงกว่าค่าปกติ ทำให้มีอากาศร้อนและแล้งมากขึ้น ประกอบกับปริมาณฝนโดยรวมของประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะต่ำกว่าค่าปกติร้อยละ 10 ซึ่งจะส่งผลให้สถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ในปี 2567 จะมีความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง โดยการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน คำนึงถึงบริบทของพื้นที่ รวมถึงให้มีการยกระดับการดำเนินงานให้เข้มข้น เพื่อบูรณาการ ติดตาม เฝ้าระวัง และแจ้งเตือนสถานการณ์ และบริหารจัดการในพื้นที่ให้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2566
 
 
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สั่งการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า    หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในมิติเชิงพื้นที่ และเชื่อมโยงกับแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ
• การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง
1. จัดให้มีการเฝ้าระวังและติดตามข้อมูลสภาพอากาศ และจุดความร้อน (Hotspot) โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม อาทิ ภาพถ่ายดาวเทียม แอปพลิเคชัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการอำนวยการ การสั่งการแก้ไขปัญหา สื่อสารข้อมูลแจ้งเตือนแก่ประชาชน โดยทบทวนและปรับแผนเผชิญเหตุให้เป็นปัจจุบัน โดยให้ความสำคัญกับการจัดทำข้อมูลพื้นที่เสี่ยง ทั้งพื้นที่ป่า พื้นที่การเกษตร พื้นที่ชุมชนและริมทาง ข้อมูลประชากรกลุ่มเสี่ยง ข้อมูลทรัพยากร เครื่องจักรกลสาธารณภัยและแนวทางการปฏิบัติในแต่ละระดับ ซักซ้อมแนวทางการปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุแบบบูรณาการอย่างต่อเนื่อง
2. บังคับใช้มาตรการทางกฎหมายในการป้องกันมลพิษทางอากาศจากแหล่งกำเนิด โดยเฉพาะการคมนาคมขนส่ง การก่อสร้าง ภาคอุตสาหกรรม และภาคครัวเรือน รณรงค์งดการเผาในพื้นที่การเกษตร พร้อมสนับสนุนการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกโดยใช้การไถกลบ การใช้จุลินทรีย์ย่อยสลาย หรือแปรรูปเศษวัสดุทางการเกษตร อาทิ การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ การผลิตเชื้อเพลิงชีวมวล
• การเผาในพื้นที่การเกษตร
1. ใช้กลไกอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก (อถล.) ที่มีอยู่กว่า 7.3 ล้านคนทั่วประเทศ ร่วมรณรงค์ลดการเผาพื้นที่แปลงเกษตร ภายหลังทำการเกษตรโดยให้ใช้การไถกลบแทน สำหรับช่วงที่เกิดวิกฤตหมอกควัน ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ได้มีอาสาสมัคร และประชาชนจิตอาสาพร้อมอุปกรณ์และเครื่องจักรกลสาธารณภัยปฏิบัติการดับไฟป่า และเฝ้าระวังการลักลอบเผาป่า รวมถึงประสานดับไฟป่าด้วยอากาศยานในพื้นที่เข้าถึงยาก
2. ยกระดับการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เพื่อลดผลกระทบด้านสุขภาพอนามัย
3. ให้หน่วยงานสาธารณสุขดูแลประชาชนกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบางที่มีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ พร้อมให้ข้อมูลการดูแลสุขภาพอย่างถูกวิธี รวมถึงให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดพื้นที่และระบบบริการประชาชนในพื้นที่ปลอดภัย (Safety Zone) หรือห้องปลอดฝุ่น         ตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข
4. สร้างการรับรู้และสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยให้ข้อมูลสถานการณ์และผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ข้อกฎหมาย และมาตรการของภาครัฐ เพื่อให้จิตอาสาและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา และปรับตัวรับมือสถานการณ์ภัยได้ถูกวิธี
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บูรณาการแก้ไขปัญหาเชิงรุก ติดตามสถานการณ์ตรวจสอบข้อมูลจุดความร้อน ข้อมูลคุณภาพอากาศ และประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
ปภ.เปิดเผยว่าในพื้นที่ใดที่มีค่าฝุ่นละอองที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพให้ประสานศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องฉีดพ่นน้ำเพิ่มความชื้นและลดปริมาณฝุ่นละออง กรณีเกิดไฟป่าในพื้นที่เข้าถึงยากสามารถประสานกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์บรรเทา สาธารณภัย KA-32 ปฏิบัติการทิ้งน้ำดับไฟ เพื่อควบคุมไฟป่าและคลี่คลายสถานการณฝุ่นละออง นอกจากนี้ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนช่วยกันงดการเผาขยะและเศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อช่วยการลดต้นตอการเกิดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ไม่ใช่เฉพาะช่วงที่ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐาน แต่ขอให้ช่วยกันตลอดทั้งปี ซึ่งจะเกิดประโยชน์แก่สังคมโดยรวม และสิ่งแวดล้อมที่เราอยู่
 
ทั้งนี้ หากพบเห็นเพลิงไหม้ ในพื้นที่ป่ารกร้าง พื้นที่ป่าไม้ สามารถแจ้งเหตุทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานระงับเหตุโดยด่วน


image รูปภาพ
image

Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar